“ไดเมทิโคน” (Dimethicone) เป็นชื่อส่วนผสมที่แทบจะการันตีได้ว่าคุณต้องเคยเจอในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเส้นผมที่คุณใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิว, เซรั่ม, ไพรเมอร์, รองพื้น, ครีมนวดผม หรือเซรั่มบำรุงผม มันคือซิลิโคนชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอุตสาหกรรมความงาม ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและประโยชน์มากมาย แต่ก็มักมาพร้อมกับความเข้าใจผิดบางประการ มาทำความรู้จักกับไดเมทิโคนให้ถ่องแท้กันครับ
Dimethicone คืออะไร?
ไดเมทิโคน คือ ซิลิโคน (Silicone) ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่มีโครงสร้างหลักเป็นซิลิกอน (Silicon) และออกซิเจน (Oxygen) โดยมีชื่อทางเคมีเต็มๆ ว่า โพลีไดเมทิลไซลอกเซน (Polydimethylsiloxane) มีลักษณะเป็นสายโซ่ตรง (Linear) และสามารถมีความหนืด (Viscosity) หรือความข้นได้หลากหลายระดับ ขึ้นอยู่กับความยาวของสายโซ่โมเลกุล ซึ่งส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและการใช้งานในผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป
หน้าที่และประโยชน์หลักในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล:
ไดเมทิโคนเป็นส่วนผสมอเนกประสงค์ ทำหน้าที่ได้หลายอย่างในสูตรตำรับ:
- สารให้ความนุ่มลื่น (Emollient): ช่วยเคลือบผิว ทำให้ผิวรู้สึก นุ่ม เรียบเนียน ลื่น ทันทีหลังใช้ สามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอยตื้นๆ บนผิวได้ชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- สารปกป้องผิว (Skin Protectant): สร้างชั้นฟิล์มบางๆ ที่ ระบายอากาศได้ (Breathable) และ กันน้ำ (Water-repellent) เคลือบบนผิว ฟิล์มนี้ช่วย ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ออกจากผิว (Occlusive properties) และยังช่วย ปกป้องผิวจากปัจจัยระคายเคืองภายนอก ได้ด้วย (ในสหรัฐอเมริกา FDA รับรอง Dimethicone เป็นสารปกป้องผิวที่หาซื้อได้เอง [OTC] ที่ความเข้มข้นระดับหนึ่ง)
- ช่วยให้เกลี่ยง่าย (Improves Spreadability): ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ เช่น ครีม หรือ รองพื้น เกลี่ยลงบนผิวได้อย่างง่ายดายและสม่ำเสมอ
- ลดความเหนียวเหนอะหนะ (Reduces Tackiness): ช่วยลดความรู้สึกเหนียวหรือหนืดของส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร ทำให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัสที่น่าใช้
- ให้สัมผัสลื่น เนียน คล้ายไหม (Provides Slip/Silky Feel): นี่คือคุณสมบัติเด่นที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกดีกับผลิตภัณฑ์ ให้ความรู้สึกหรูหรา ไม่มันเยิ้ม
- ปรับสภาพเส้นผม (Hair Conditioning): เคลือบเส้นผม ช่วยให้ผม ลื่น ไม่พันกัน หวีง่าย ลดผมชี้ฟู เพิ่มความเงางาม และอาจช่วย ป้องกันความร้อน ได้ในระดับหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ที่มักพบ Dimethicone:
พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทมาก เช่น:
- ครีมบำรุงผิว, โลชั่น, เซรั่ม
- ไพรเมอร์, รองพื้น, เครื่องสำอางต่างๆ
- ครีมกันแดด
- ครีมนวดผม, ลีฟออนคอนดิชันเนอร์, เซรั่ม/น้ำมันบำรุงผม, ผลิตภัณฑ์ลดผมชี้ฟู
- ครีมทามือ
- ครีมทาผื่นผ้าอ้อม (ในฐานะสารปกป้องผิว)
ความปลอดภัยและข้อควรพิจารณา:
- ความปลอดภัยสูงมาก: ไดเมทิโคนได้รับการยอมรับจากองค์กรกำกับดูแลด้านความปลอดภัยทั่วโลก (เช่น Cosmetic Ingredient Review – CIR ในสหรัฐฯ, SCCS ในยุโรป) ว่าเป็นส่วนผสมที่ ปลอดภัยสูงมาก สำหรับใช้ในเครื่องสำอาง ไม่เป็นพิษ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ สำหรับคนส่วนใหญ่
- การอุดตันรูขุมขน (Comedogenicity): เป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อย โดยทั่วไปแล้ว ไดเมทิโคน ไม่ถือว่าก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic) เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ไม่สามารถซึมเข้าไปในรูขุมขนได้ แม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อหนักมากๆ ซึ่งมีไดเมทิโคนเป็นส่วนผสม อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวมันและเป็นสิวง่ายมากๆ เพราะอาจกักเก็บสิ่งสกปรกหรือน้ำมันไว้ได้สำหรับบางคน แต่ตัวไดเมทิโคนเองไม่ใช่สาเหตุหลักของการอุดตัน
- ความเชื่อเรื่อง “ผิวหายใจไม่ออก”: ฟิล์มที่ไดเมทิโคนสร้างขึ้น ยอมให้อากาศและไอน้ำผ่านได้ (Breathable/Gas Permeable) ไม่ได้ปิดกั้นผิวจน “หายใจไม่ออก” อย่างที่บางคนกังวล
- ข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม: ในฐานะที่เป็นซิลิโคน ไดเมทิโคนอยู่ภายใต้การหารือเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของซิลิโคนโดยรวม ซึ่งมักถูกมองว่าย่อยสลายได้ช้าในสิ่งแวดล้อม แต่คาดว่าจะมีการย่อยสลายในดินหรือผ่านกระบวนการอื่นได้ ปัจจุบันมีข้อกังวลน้อยกว่าซิลิโคนชนิดวงแหวน (Cyclic Silicones) เช่น D4, D5
- การสะสมบนเส้นผม: สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไดเมทิโคนเข้มข้นหรือชนิดที่ล้างออกยากเป็นประจำ อาจเกิดการสะสมบนเส้นผม ทำให้ผมรู้สึกหนักหรือลีบแบนได้ในบางคน การใช้แชมพูทำความสะอาดล้ำลึก (Clarifying Shampoo) เป็นครั้งคราวสามารถช่วยขจัดสิ่งตกค้างได้
- กระแส “ปราศจากซิลิโคน (Silicone-Free)”: เนื่องจากมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย ไดเมทิโคนจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของกระแสความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซิลิโคน ซึ่งอาจมาจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ความเชื่อเรื่องการอุดตัน (ที่มักไม่ถูกต้อง) หรือความชอบส่วนบุคคล
สรุป:
ไดเมทิโคน (Dimethicone) เป็นซิลิโคนอเนกประสงค์และเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ใช้บ่อยที่สุดในอุตสาหกรรมความงาม มีคุณประโยชน์หลักในการสร้างเนื้อสัมผัสที่เนียนลื่น เกลี่ยง่าย ปกป้องผิว และปรับสภาพเส้นผมให้ดีขึ้น มีประวัติความปลอดภัยที่ยาวนานและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แม้จะมีความเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับการอุดตันหรือการทำให้ผิวหายใจไม่ออก ซึ่งไม่เป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ควรตระหนักถึงประเด็นเรื่องการสะสมบนเส้นผมหรือบริบทด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว