เกลือเอปซอม (Epsom Salt) เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย มักนึกถึงเกลือสำหรับแช่ตัวเพื่อผ่อนคลาย แต่จริงๆ แล้ว เกลือเอปซอม ไม่ใช่ เกลือชนิดเดียวกับเกลือแกง (โซเดียมคลอไรด์ – Sodium Chloride) ที่เราใช้ปรุงอาหาร แต่เป็นสารประกอบแร่ธาตุที่มีชื่อทางเคมีว่า แมกนีเซียมซัลเฟต (Magnesium Sulfate – MgSO₄) มักพบในรูปผลึกที่มีน้ำอยู่ด้วย (MgSO₄·7H₂O) มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ละลายน้ำได้ดี
เกลือเอปซอม ทำงานอย่างไร? (ตามทฤษฎีและการใช้งาน)
กลไกการทำงานของเกลือเอปซอมที่เชื่อกันนั้นแตกต่างกันไปตามวิธีการใช้งาน:
- การแช่ตัว (Bathing/Soaking):
- ทฤษฎี: เชื่อกันว่าเมื่อละลายในน้ำอุ่น แมกนีเซียมและซัลเฟตไอออนสามารถ ดูดซึมผ่านผิวหนัง เข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งอาจช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบ และเพิ่มระดับแมกนีเซียมในร่างกาย
- ข้อเท็จจริง/หลักฐาน: หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันการดูดซึมแมกนีเซียมผ่านผิวหนังในปริมาณที่มีนัยสำคัญจากการแช่เกลือเอปซอมนั้น ยังมีจำกัด หรือ ขัดแย้งกันอยู่ ผลการผ่อนคลายที่รู้สึกได้ส่วนใหญ่อาจมาจาก ผลของน้ำอุ่น ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและส่งเสริมการผ่อนคลายโดยรวมมากกว่า
- การรับประทาน (Oral Use – เป็นยาระบาย):
- กลไกที่ยอมรับ: เมื่อรับประทาน (โดยละลายน้ำตามคำแนะนำที่ระบุ) แมกนีเซียมซัลเฟตจะทำหน้าที่เป็น ยาระบายประเภทออสโมซิส (Osmotic Laxative) มันจะดึงน้ำจากผนังลำไส้เข้ามาในลำไส้ ทำให้อุจจาระมีปริมาณน้ำมากขึ้นและนุ่มลง กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น การใช้งานด้วยวิธีนี้ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ประโยชน์และการใช้งานทั่วไป:
- แช่ตัวในอ่างอาบน้ำ:
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ: เป็นการใช้งานที่นิยมที่สุด เชื่อว่าช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าหรือตึงเครียดหลังการออกกำลังกาย (อาจเป็นผลจากน้ำอุ่นร่วมด้วย)
- ลดความเครียด ผ่อนคลาย: การแช่น้ำอุ่นช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การเติมเกลือเอปซอมลงไปอาจเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจ
- แช่เท้า: ช่วยผ่อนคลายเท้าที่เมื่อยล้า อาจช่วยลดกลิ่นเท้า หรือบรรเทาอาการจากเชื้อราที่เท้าเล็กน้อย (แต่ไม่ใช่การรักษาหลัก)
- บรรเทาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำเล็กน้อย (แช่): การใช้แบบดั้งเดิม เชื่อว่าอาจช่วยลดอาการบวมได้
- ใช้เป็นยาระบาย (รับประทาน): สำหรับบรรเทาอาการท้องผูกเป็นครั้งคราว (ต้องใช้ตามคำแนะนำบนฉลากหรือคำสั่งแพทย์เท่านั้น!)
- ใช้ในการทำสวน: เป็นแหล่งของแมกนีเซียมและซัลเฟอร์สำหรับพืชบางชนิดที่ต้องการธาตุเหล่านี้ (เช่น มะเขือเทศ, พริก, กุหลาบ) โดยเฉพาะในดินที่ขาดแมกนีเซียม
วิธีการใช้งาน:
- สำหรับแช่ตัว: ผสมเกลือเอปซอมประมาณ 1-2 ถ้วยตวง ลงในอ่างอาบน้ำมาตรฐานที่ผสมน้ำอุ่น คนให้ละลาย แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที
- สำหรับแช่เท้า: ผสมเกลือเอปซอมประมาณ 1/2 ถ้วยตวง ลงในกะละมังน้ำอุ่น แช่เท้า 15-20 นาที
- สำหรับใช้เป็นยาระบาย: ต้องปฏิบัติตามขนาดและวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด หรือตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ห้ามกำหนดขนาดเอง โดยทั่วไปจะละลายในน้ำเต็มแก้วแล้วดื่ม
- สำหรับทำสวน: ละลายในน้ำตามอัตราส่วนที่แนะนำสำหรับพืชแต่ละชนิด แล้วใช้รดดินหรือฉีดพ่นทางใบ
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์:
ดังที่กล่าวไปข้างต้น หลักฐานที่สนับสนุนประโยชน์ของการดูดซึมแมกนีเซียมผ่านผิวหนังจากการแช่เกลือเอปซอมยังไม่แข็งแรงนัก และต้องการการศึกษาเพิ่มเติม ประโยชน์ด้านการผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนใหญ่อาจมาจากน้ำอุ่น อย่างไรก็ตาม ผลทางเภสัชวิทยาของเกลือเอปซอมในฐานะ ยาระบายเมื่อรับประทานนั้นได้รับการยอมรับและพิสูจน์แล้ว
ความปลอดภัยและข้อควรระวัง:
- การใช้ภายนอก (แช่ตัว/แช่เท้า):
- โดยทั่วไปถือว่า ปลอดภัยสูง สำหรับคนส่วนใหญ่
- ควรหลีกเลี่ยงการแช่หากมีแผลเปิดขนาดใหญ่ หรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนังรุนแรง
- หากเกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ควรหยุดใช้
- ระมัดระวังการลื่นล้มเมื่อลุกจากอ่างอาบน้ำ
- การใช้ภายใน (รับประทานเป็นยาระบาย):
- ต้องใช้ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเท่านั้น การใช้เกินขนาดอาจเป็นอันตรายร้ายแรง
- อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย, ปวดเกร็งท้อง, คลื่นไส้, ท้องอืด
- ห้ามใช้ หรือ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ในผู้ที่มี: โรคไต (เสี่ยงต่อภาวะแมกนีเซียมเกิน), โรคหัวใจ, อาการปวดท้องรุนแรง, คลื่นไส้อาเจียน, ลำไส้อุดตัน, หรือมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการขับถ่ายอย่างกะทันหัน
- อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ไม่ควรใช้เป็นยาระบายติดต่อกันเป็นเวลานาน
- อาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรหากกำลังใช้ยาอื่นอยู่
- เก็บให้พ้นมือเด็ก
การหาซื้อ:
เกลือเอปซอมสามารถหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทยตามร้านขายยา ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ หรือร้านจำหน่ายอุปกรณ์ทำสวน
สรุป:
เกลือเอปซอม หรือ แมกนีเซียมซัลเฟต เป็นสารประกอบแร่ธาตุที่นิยมใช้ในการแช่ตัวเพื่อความผ่อนคลายและอาจช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (แม้หลักฐานการดูดซึมผ่านผิวหนังจะยังไม่ชัดเจน) และใช้เป็นยาระบายชนิดออสโมซิสเมื่อรับประทาน (ซึ่งต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างสูงตามคำแนะนำ) การใช้แช่ตัวโดยทั่วไปปลอดภัย แต่การรับประทานต้องคำนึงถึงข้อควรระวังและข้อห้ามใช้อย่างเคร่งครัด