กรดแลคติกเป็นกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ที่พบในนม ผลไม้ และผัก เป็นหนึ่งใน AHA ที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
แหล่งที่มาของกรดแลคติก
กรดแลคติกมีแหล่งที่มาหลากหลายทั้งจากธรรมชาติและการสังเคราะห์ ดังนี้
1. แหล่งธรรมชาติ
- นม: กรดแลคติกเกิดขึ้นจากกระบวนการหมักแลคติกโดยแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในนม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกรดแลคติก
- ผลไม้: ผลไม้หลายชนิด เช่น องุ่น มะนาว ส้ม แอปเปิ้ล กะหล่ำปลีดอง มีกรดแลคติกตามธรรมชาติ
- ผัก: ผักดอง เช่น กิมจิ ผักกาดดอง แหนม มีกรดแลคติกเกิดขึ้นจากกระบวนการหมัก
2. การสังเคราะห์
- การหมัก: กรดแลคติกสามารถผลิตได้จากการหมักน้ำตาลหรือแป้งโดยใช้แบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส
- การสังเคราะห์ทางเคมี: กรดแลคติกสามารถผลิตได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี แต่มีราคาแพงกว่ากรดแลคติกที่ผลิตจากการหมัก
ประโยชน์ของกรดแลคติก
กรดแลคติกมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ เช่น:
- ผลัดเซลล์ผิว: กรดแลคติกช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เผยผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียน
- ลดเลือนริ้วรอย: กรดแลคติกกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น
- ปรับสีผิว: กรดแลคติกช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและลดเลือนรอยดำ
- เพิ่มความชุ่มชื้น: กรดแลคติกช่วยดึงดูดความชื้นสู่ผิว ทำให้ผิวนุ่มนวลและชุ่มชื้น
ข้อควรระวังเกี่ยวกับกรดแลคติก
- กรดแลคติกอาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้ครีมกันแดด SPF 30 หรือสูงกว่าทุกวันเมื่อใช้กรดแลคติก
- กรดแลคติกอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้
- ควรทดสอบกรดแลคติกบนบริเวณเล็กๆ ของผิวก่อนใช้กับใบหน้าทั้งหมด
- ห้ามใช้กรดแลคติกกับผิวที่มีบาดแผล
หากคุณกำลังพิจารณาใช้กรดแลคติก สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกับแพทย์ของคุณก่อนเพื่อหารือว่าเหมาะสมกับคุณหรือไม่